วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

รู้จักเส้นเลือดและวิธีหยุดเลือด


เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้แม้ไม่ประมาทและมักทำให้เกิดเลือดตกยางออกอยู่เสมอ ขอแนะนำวิธีการห้ามเลือดอย่างถูกต้อง แต่ก่อนจะเรียนรู้เทคนิคการห้ามเลือด เราควรทราบเรื่องราวของเส้นเลือดก่อน
เส้นเลือดแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ประกอบด้วย

เส้นเลือดแดง
เป็นเลือดที่ไหลออกมาจากหัวใจเพื่อไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หากเกิดแผลที่ทำให้เลือดออกจากเส้นเลือดชนิดนี้จะห้ามเลือดยาก โดยเลือดจะทะลักออกตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เลือดจะเป็นสีแดงและไม่เกิดลิ่มเลือด

เส้นเลือดดำ
เมื่อเกิดแผลเลือดที่ไหลออกมาจะมีสีคล้ำ ไหลแบบริน ๆ ไม่เร็ว ไม่ช้า เนื่องจากเป็นเลือดที่อวัยวะต่าง ๆ ใช้ออกซิเจนแล้วกำลังส่งกลับไปยังหัวใจ

เส้นเลือดฝอย
เส้นเลือดที่เชื่อมโยงเป็นตาข่ายระหว่างเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเป็นแผลแล้วเลือดออกจากเส้นเลือดชนิดนี้ โดยเลือดจะซึมออกมาช้า ๆ สามารถห้ามเลือดได้ง่าย


วิธีการห้ามเลือด

ทำได้ง่ายที่สุดคือการใช้นิ้วหรือฝ่ามือกดลงบริเวณปากแผล ซึ่งจะต้องเป็นแผลถลอก ขนาดเล็ก ตื้น ๆ แต่ถ้าสามารถหาสำลีหรือผ้าสะอาดก็ให้นำมาใช้ปิดปากแผลเพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากแผลใหญ่เลือดไหลออกมาก ควรใช้วิธีขันชะเนาะ และควรคลายเชือกทุก 15 นาที เพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ได้ อย่างไรก็ตาม การขันชะเนาะนิยมใช้เมื่อบาดแผลเกิดขึ้นบริเวณแขนหรือขา

วิธีขันชะเนาะ
เริ่มจากใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าที่หาได้พับเป็นเบาะสี่เหลี่ยมวางบนเส้นเลือดแดงบริเวณแขนหรือขา จุดที่คลำชีพจรพบ จากนั้นใช้ผ้าหรือเชือกพันรอบแขนหรือรอบขาบนเบาะราวสองรอบแล้วผูกเงื่อน 1 ครั้ง สอดท่อนไม้ก่อนผูกเงื่อนตายซ้ำอีกทบ ลำดับต่อมาให้หมุนท่อนไม้ไปรอบ ๆ เงื่อนที่ผูกไว้อีกหลายครั้ง ถือเป็นการขันชะเนาะจนเลือดหยุดไหล แล้วผูกปลายอีกด้านของท่อนไม้เข้ากับแขนหรือขาป้องกันเกลียวคลายหลุดออก.


วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

【 ..อีกมุมของเรื่องรังนก.. 】



..อ่านจบแล้ว ยังอยากจะกินรังนกกันอีกหรือไม่ แล้วแต่ใจของคุณ นึกไปถึงหูฉลามอีกอย่างนึง กว่าจะได้มาก็ทารุณไม่แพ้กันเลย.


หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของอาหารเชิงยาที่เรียกว่า รังนกนางแอ่น เป็นที่รู้กันดีว่านกนางแอ่นนั้น เป็นนกเล็กตัวเท่านกกระจอก มีความน่ารักตรงที่เมื่อจะวางไข่จะจับคู่สร้างรัง และมีความน่าอัศจรรย์คือ



จะสร้างรัง โดยการถุยน้ำลาย หรือขากเสลดออกมา ลองนึกภาพว่าถ้าเราต้องถุยน้ำลายและขากเสลดจนเป็นห้องให้เราเข้าไปพักได้มัน เหงือกแห้งและเจ็บคอแค่ไหน แต่แล้วมนุษย์ตัวใหญ่สมองดี ก็ได้ไปแคะทำลายรังมันออกมาเอามาต้มกิน กล่าวคือกินคราบน้ำลายเสลดแห้งๆของนกเพื่อสุขภาพดี สวยและไม่แก่(ดังโฆษณาที่เราเห็นกัน)



แต่จะมีกี่คนที่ทราบว่า รังที่ดี(เพื่อการกิน)คือรังที่ทำเสร็จใหม่ๆ เพราะนกยังไม่เข้าไปออกไข่และกกไข่ ดังนั้นจะสะอาด ไม่มีเศษขนเศษมูล และจะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่าในหมู่ผู้นิยมกินรังนก นั่นยังไม่ใช่รังนกที่ดีที่สุด รังนกที่ดีที่สุดคือรังนกเกรดเลือด รังนกเกรดเลือดจะมีราคาแพงมาก เพราะรังนกนั้นจะเจือสีแดงของเลือดนก ถามว่าทำไมและคืออะไร



เรื่องโหดได้เริ่มที่ เมื่อนกพ่อแม่ รู้ว่าตัวแม่กำลังจะวางไข่นกจะขากถุยออกมาทำรังจนได้รังมาเรียกว่าเมื่อเมียท้องก็รีบสร้างบ้านเพื่อครอบครัว แต่แล้วก็มีคนมาขโมยรังมันไปหน้าด้านๆ นกเหล่านี้ไม่อาจจะไปเรียกร้องตำรวจมาจับขโมยได้ แต่ก้มหน้าขากถุยใหม่ทำรังต่อไป



แต่แล้วชีวิตเศร้ายิ่งกว่าละครหลังข่าวก็เริ่มขึ้น เมื่อโดนคนมาขโมยบ้านไปอีก ทีนี้ตัวเมียจะเข้าใกล้กำหนดคลอดขึ้นทุกที สิ่งเดียวที่พวกนกทำคือ เริ่มต้นถุยน้ำลายสร้างรังใหม่ และมันก็ถูกขโมยรังเมื่อทำเสร็จ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนแม่นกต้องออกไข่ เวลานี้ครอบครัวนกต้องเร่งคายเสลดออกมาเพื่อทำรัง ลองนึกแทนว่าถ้าเราต้องขากถุยทั้งวันตลอดสัปดาห์อะไรจะเกิดขึ้น นั่นคือเหตุที่ทำให้เลือดปนออกมากับน้ำลายจนรังกลายเป็นสีแดง



ครอบครัวนกหวังเพียงว่าจะมีรังให้ไข่ที่กำลังจะเกิดอยู่รอมร่อได้ฟักเป็นตัว โดยไม่รู้เลยว่านี่คือรังที่ราคาแพงที่สุดที่ต้องโดนเก็บเป็นแน่ เมื่อเสร็จสิ้นทั้งพ่อนกแม่นกจะเสียเลือดมาก และเมื่อรังที่แลกด้วยเลือดนี้โดนเก็บ สิ่งที่ตามมาเสมอคือ การที่พ่อแม่นก และไข่ในท้องแม่นก นอนตายอยู่ที่พื้นถ้ำ ละครหลังข่าวเรื่องนี้จบอย่างแฮปเอนดิ้ง "โดยมนุษย์ที่เป็นตัวเอกหน้าอ่อนกว่าวัย ส่วนตัวประกอบตายตอนจบ"

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฝนดาวตก คาดว่าประมาณ500ดวง/ชม.



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เชิญชวนคนไทยร่วมชมปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ "ฝนดาวตกจากกลุ่มดาวสิงโต" ที่หวนกลับมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน-จุใจอีกครั้ง 17-18 พฤศจิกายน!


กลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลกมากบ้างน้อยบ้าง โดยปีที่มองเห็นสูงสุดต้องย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2541 และ 2544


ฝนดาวตกลีโอนิดส์ เกิดจากเศษซากหลงเหลือของ "ดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล"


มีวงโคจรรอบ "ดวงอาทิตย์" เป็นวงรี โดยหนึ่งรอบใช้เวลา 33.2 ปี


และทุก ๆ 33 ปี ดาวหางดวงนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้เกิดฝนดาวตกมากเป็นพิเศษ เรียกว่า "พายุฝนดาวตก" (Meteor Storm) ซึ่งการโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 และจะเข้าใกล้ครั้งต่อไปในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556


อย่างไรก็ตาม สำหรับเดือนนี้ นักดาราศาสตร์พยากรณ์ว่า คนไทยทั่วทุกพื้นที่ของประเทศจะมีโอกาสชม ฝนดาวตกลีโอนิดส์นับร้อยดวงแบบชัด ๆ อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 17 ต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้า 18 พฤศจิกายน เหตุเพราะเวลาเกิดปรากฏการณ์ตรงกับ "คืนเดือนมืด" พอดิบพอดี


โดยช่วงเวลาที่คาดว่าจะมองเห็นฝนดาวตกสูงสุด คือ เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน ตกราว ๆ 150-160 ดวงต่อชั่วโมง


ขณะที่ "เจเรอมี่ โวเบลลอน" นักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ชี้ว่า ช่วงก่อนตีห้าเล็กน้อยตามเวลาประเทศไทย ถ้าโชคดีชาวโลกอาจได้เห็นฝนดาวตกลีโอนิดส์ร่วม ๆ 500 ดวง พุ่งสว่างวาบบนฟากฟ้า!


"นับเป็นความโชคดีที่จะได้ชมปรากฏ การณ์ฝนดาวตกในปีนี้ เนื่องจากวันที่ 17-18 พฤศจิกายน เป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าค่อนข้างมืดสนิท แต่เหตุการณ์ฝนดาวตกช่วงที่ตกมากนั้นค่อนข้างสั้น และเกิดก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น 1 ชั่วโมงเท่านั้น" ประณิตา เสพปันคำ เจ้าหน้าที่สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. ระบุ


สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมกับการดูฝนดาวตกลีโอนิดส์ ถ้าจะให้ดีควรเป็นจุดที่ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือห่างจากเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร หันหน้าไปทางดาวเหนือ ส่วนการถ่ายภาพควรตั้งความไวแสง ISO 400-800 ถ้าใช้กล้องสองตาควรมีหน้าเลนส์ไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิเมตร และกำลังขยาย 7 เท่าขึ้นไป

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

2012

2012 ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก !!



เหตุการณ์นี้มันจะเกิดทุก 460,000 ปี

ซึ่งเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อยุคไดโนเสาร์

ไดโนเสาร์สูญพันธ์ทั้งหมด แต่โลกไม่ได้แตกแต่อย่างใด !!

เพียงแต่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

เช่น การเคลื่อนตัวของเปลือกแผ่นโลก

คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ

ฉะนั้น ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ ๆ ภัยพิบัติเหล่านี้เข้าไม่ถึง

บริเวณนั้น ไม่เคยเป็นภูเขาไฟ ไม่มีทะเลหรือแม่น้ำใหญ่ ไม่ได้เป็น
บริเวณรอยต่อของเปลือกโลกเราอาจจะรอดได้

ทฤษฎีว่าด้วยทวีปเลื่อน (Theory of Continental Drift) ของอัลเฟรด โลทาร์ เวเกเนอร์

ตามหลักการนั้นทวีปที่เหลืออยู่น่ะจะเป็นแอฟริกาและการเป็นศูนย์รวมทวีปใหม่
ในอนาคตหลังภัยพิบัติผ่านพ้นไป

ขั้วโลกเหนือจะสลับที่กับขั้วโลกใต้เนื่องจากแกนโลกพลิกตัว

ในตอนนั้น ถ้าเรารอดทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องเริ่มใหม่

เพราะมันได้พังทลายไปหมดแล้ว !!

มีชีวิตใหญ่ เริ่มต้นใหม่ ถิ้นฐานใหม่ และ ทวีปใหม่

ฉะนั้น เราทำบุญไว้มาก ๆ เพื่อนอนิสงค์จะแพร่ให้เรารอดตาย และอยู่จนมีทวีปใหม่

ถ้าบุญมากพอ เราอาจตายแล้วเกิดใหม่ เป็นคนอีกครั้งในทวีปใหม่
__________________________



วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สนามบินลอยน้ำที่ญี่ปุ่น

สนามบินกลางน้ำ ใช้ Sky Bridge และอุโมงค์ใต้น้ำในการเดินทาง


รันเวย์ยาว 4 กิโล เค้าว่าถ้าน้ำท่วมโลกที่นี่ไม่มีวันจม

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไข่!



ไข่ฟองกลมๆ เหล่านี้จะช่วยรักษารูปร่างคุณให้ดี หรือส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณกันแน่
น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ไม่เพียงพอ
การไม่ทานไข่อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้นะ ไข่ฟองเล็กๆ หนึ่งฟอง มีปริมาณวิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกายมากกว่าปริมาณมาตรฐานที่แนะนำ ให้บริโภคต่อวันเสียอีก "วิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใยประสาท" อะแมนดา เออร์เซลล์ นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ Complete Guide to Healing Foods กล่าว "ถ้าขาดวิตามิน เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้"
นอกจากนี้ไข่ยังดีต่อสายตาคุณโดยเมื่อไม่นานมานี้มีผลการศึกษาจากอเมริกาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition ได้ค้นพบว่า การทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เพราะสารลูทีนและซีแซนทีนซึ่งเป็นสารรงควัตถุในตระกูลแคโรทีนอยด์ ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง
6 ฟองต่อสัปดาห์ ..... ปริมาณที่พอดี
ไข่เจียวถือเป็นยาบำรุงร่างกายได้เลย เพราะนอกจากไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณสารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณมีหุ่นกลมเป็นไข่อีกด้วย ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนาสเตท พบว่า คนที่ทานมื้อเช้าโดยมีไข่เป็นส่วนประกอบ จะลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ทานไข่ในมื้อเช้าได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบริโภคแคลอรี่ในปริมาณที่เท่ากัน