วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฝนดาวตก คาดว่าประมาณ500ดวง/ชม.



สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เชิญชวนคนไทยร่วมชมปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ "ฝนดาวตกจากกลุ่มดาวสิงโต" ที่หวนกลับมาให้เห็นกันอย่างชัดเจน-จุใจอีกครั้ง 17-18 พฤศจิกายน!


กลางเดือนพฤศจิกายนของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากพื้นโลกมากบ้างน้อยบ้าง โดยปีที่มองเห็นสูงสุดต้องย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2541 และ 2544


ฝนดาวตกลีโอนิดส์ เกิดจากเศษซากหลงเหลือของ "ดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล"


มีวงโคจรรอบ "ดวงอาทิตย์" เป็นวงรี โดยหนึ่งรอบใช้เวลา 33.2 ปี


และทุก ๆ 33 ปี ดาวหางดวงนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด ทำให้เกิดฝนดาวตกมากเป็นพิเศษ เรียกว่า "พายุฝนดาวตก" (Meteor Storm) ซึ่งการโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 และจะเข้าใกล้ครั้งต่อไปในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2556


อย่างไรก็ตาม สำหรับเดือนนี้ นักดาราศาสตร์พยากรณ์ว่า คนไทยทั่วทุกพื้นที่ของประเทศจะมีโอกาสชม ฝนดาวตกลีโอนิดส์นับร้อยดวงแบบชัด ๆ อีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 17 ต่อเนื่องไปจนถึงรุ่งเช้า 18 พฤศจิกายน เหตุเพราะเวลาเกิดปรากฏการณ์ตรงกับ "คืนเดือนมืด" พอดิบพอดี


โดยช่วงเวลาที่คาดว่าจะมองเห็นฝนดาวตกสูงสุด คือ เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน ตกราว ๆ 150-160 ดวงต่อชั่วโมง


ขณะที่ "เจเรอมี่ โวเบลลอน" นักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ชี้ว่า ช่วงก่อนตีห้าเล็กน้อยตามเวลาประเทศไทย ถ้าโชคดีชาวโลกอาจได้เห็นฝนดาวตกลีโอนิดส์ร่วม ๆ 500 ดวง พุ่งสว่างวาบบนฟากฟ้า!


"นับเป็นความโชคดีที่จะได้ชมปรากฏ การณ์ฝนดาวตกในปีนี้ เนื่องจากวันที่ 17-18 พฤศจิกายน เป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าค่อนข้างมืดสนิท แต่เหตุการณ์ฝนดาวตกช่วงที่ตกมากนั้นค่อนข้างสั้น และเกิดก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น 1 ชั่วโมงเท่านั้น" ประณิตา เสพปันคำ เจ้าหน้าที่สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. ระบุ


สำหรับสถานที่ที่เหมาะสมกับการดูฝนดาวตกลีโอนิดส์ ถ้าจะให้ดีควรเป็นจุดที่ไม่มีแสงไฟรบกวน หรือห่างจากเมืองใหญ่ไม่น้อยกว่า 100 กิโลเมตร หันหน้าไปทางดาวเหนือ ส่วนการถ่ายภาพควรตั้งความไวแสง ISO 400-800 ถ้าใช้กล้องสองตาควรมีหน้าเลนส์ไม่ต่ำกว่า 50 มิลลิเมตร และกำลังขยาย 7 เท่าขึ้นไป

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

2012

2012 ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลก !!



เหตุการณ์นี้มันจะเกิดทุก 460,000 ปี

ซึ่งเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อยุคไดโนเสาร์

ไดโนเสาร์สูญพันธ์ทั้งหมด แต่โลกไม่ได้แตกแต่อย่างใด !!

เพียงแต่เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่

เช่น การเคลื่อนตัวของเปลือกแผ่นโลก

คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ

ฉะนั้น ถ้าเราอยู่ในพื้นที่ ๆ ภัยพิบัติเหล่านี้เข้าไม่ถึง

บริเวณนั้น ไม่เคยเป็นภูเขาไฟ ไม่มีทะเลหรือแม่น้ำใหญ่ ไม่ได้เป็น
บริเวณรอยต่อของเปลือกโลกเราอาจจะรอดได้

ทฤษฎีว่าด้วยทวีปเลื่อน (Theory of Continental Drift) ของอัลเฟรด โลทาร์ เวเกเนอร์

ตามหลักการนั้นทวีปที่เหลืออยู่น่ะจะเป็นแอฟริกาและการเป็นศูนย์รวมทวีปใหม่
ในอนาคตหลังภัยพิบัติผ่านพ้นไป

ขั้วโลกเหนือจะสลับที่กับขั้วโลกใต้เนื่องจากแกนโลกพลิกตัว

ในตอนนั้น ถ้าเรารอดทุกสิ่งทุกอย่างคงต้องเริ่มใหม่

เพราะมันได้พังทลายไปหมดแล้ว !!

มีชีวิตใหญ่ เริ่มต้นใหม่ ถิ้นฐานใหม่ และ ทวีปใหม่

ฉะนั้น เราทำบุญไว้มาก ๆ เพื่อนอนิสงค์จะแพร่ให้เรารอดตาย และอยู่จนมีทวีปใหม่

ถ้าบุญมากพอ เราอาจตายแล้วเกิดใหม่ เป็นคนอีกครั้งในทวีปใหม่
__________________________